วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

รถแดงพาเที่ยวเวียงกุมกาม

เวียงกุมกาม เป็นเมืองโบราณที่ถูกขุดค้นพบใต้ผืนธรณีในเขตท้องที่หมู่ 11 ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภีแห่งนี้ ถือว่ามีความสำคัญยิ่งต่อประวัติศาสตร์ เมื่อมีการพิสูจน์ว่า “เวียงกุมกาม”คือ “เวียงเก่า” หรือเมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักรล้านนาที่พญามังราย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1892(“กุม” หมายถึง ปกป้องรักษา ส่วน “กาม” ภาษาบาลีแปลว่า เมือง)

“เวียงกุมกาม” ล่มสลายลง เพราะถูกน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อครั้งตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า (พ.ศ.2101-2317) และทำให้เวียงกุมกามถูกฝังจมใต้ตะกอนดินจนยากจะฟื้นฟู ประกอบกับอุทกภัยครั้งนั้น แม่น้ำปิงได้เปลี่ยนร่องน้ำไม่ไหลผ่านเวียงกุมกามดังเคย “เวียงกุมกาม” จึงถูกทิ้งร้างอยู่ใต้ตะกอนดินมานับร้อยๆ ปี และชื่อของ “เวียงกุมกาม” ก็ได้เลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ จนเชื่อกันว่า “เวียงกุมกาม” เป็นเพียง เมืองในตำนาน

จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2527 เมื่อหน่วยศิลปากรที่ 4 ได้ขุดแต่งวิหารกานโถม ณ วัดช้างค้ำ ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่งในเวียงกุมกาม ทำให้เรื่องราวของ “เมืองในตำนาน” แห่งนี้ปรากฏเป็นเรื่องขึ้นและจากการศึกษาค้นคว้าของนักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ ทำให้เชื่อได้แน่นอนว่าโบราณสถาน ในเขตท้องที่หมู่ที่ 11 ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี ซึ่งห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เพียง 5 กิโลเมตรนั้น ก็คือ “เวียงกุมกาม” หรือ “เวียงเก่า” ก่อนที่จะมี “เวียงเชียงใหม่” และการล่มสลายไปเพราะอุทกภัยครั้งใหญ่ จนกลายเป็นเมืองใต้พิภพก่อนที่อาณาจักรล้านนาจะล่มสลายทำให้โบราณสถานในเวียงกุมกามมีความสมบูรณ์ และเป็นแหล่งความรู้ในการศึกษาแบบแผนของสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม ตลอดจนวัฒนธรรมล้านนาบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นรากฐานในการศึกษาที่สำคัญของวัฒนธรรมล้านนาในยุคต่อ ๆ มา

เวียงกุมกาม มีสถานที่ท่องเที่ยวภายในหลายจุด ได้แก่ วัดธาตุน้อย วัดช้างค้ำ(กานโถม) วัดอีค่าง วัดหนานช้าง วัดปู่เปี้ย วัดธาตุขาว วัดพญามังราย วัดพระเจ้าองค์ดำ วัดเจดีย์เหลี่ยม(กู้คำ) เป็นต้น

เวียงกุมกามสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี มีรถรางและรถม้าคอยให้บริการเที่ยวชมเมืองเก่า ตั้งแต่เวลา 08.30 น.–17.00 น. ทุกวัน หรือจะเช่าจักรยานเที่ยวชมได้

การเดินทาง

รถยนต์ส่วนตัว

เดินทางออกจากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางไปทางอำเภอหางดง ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 108 จะผ่านแยกไฟแดงหลักๆอยู่ 3 ที่ด้วยกัน คือแยกไฟแดงก่อนออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ เรียกกันว่าสี่แยกสนามบิน มีห้างโรบินสัน เป็นจุดสังเกต ก่อนจะออกเดินทางต่อไปได้สัก ไม่เกิน 1 กิโลเมตรจะเห็นแยกไฟแดงต่อมา อยู่หน้าห้างโลตัส ขับต่อไป 1 กิโลเมตรกว่าๆ ก็จะเห็นแยกไฟแดงถัดมาอยู่หน้าห้างบิ๊กซี เลี้ยวซ้ายที่แยกนี้ ขับรถตรงไป 1 กิโลเมตร จะเจอสะพานข้ามน้ำปิง ข้ามสะพานไป ประมาณ 300 เมตร จะเจอศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยู่ทางด้านซ้ายมือ นำรถไปจอด ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเดินทางไปชมตามจุดต่างๆ

ระยะทางโดยประมาณ  :  12กิโลเมตร

ใช้เวลาเดินทางประมาณ  :  20-40 นาที

จุดพิกัด GPS  :  18.750858,98.998572


การเดินทางไปเวียงกุมกาม(ตาม คห.ผม ทางนี้ง่ายสุด)ก็ยึด ถนนรอบคูเมืองไว้ครับ...แล้วดูป้ายไปทางสนามบิน ขับไปเรื่อย จนถึงแยกใหญ่(ถ้าจำไม่ผิดแถวๆ เซ็นทรัลแอร์พอร์ต) ทางไปสนามบินต้องเลี้ยวขวา เราก็เลี้ยวซ้าย จะมี สี่แยกอยู่อีกจะเห็นป้ายให้เลี้ยวขวาไป เวียงกุมกามชัดเจน นะครับ

 













ภายในวัดเจดีย์เหลี่ยม....จะมีรถรางและรถม้า พร้อม กับน้องๆมัคคุเทศ ไว้บริการนักท่องเที่ยวครับ....















อัตราค่าบริการ ก็ รถม้า 200 /เที่ยวอันนี้ สารถีเป็นไกด์เองครับ

ถ้าไปเกิน 4 คนก็นี่เลยครับรถราง....




















ที่นี่รู้สึก จะเป็นชาวบ้านจัดการกันเองครับ จริงๆ แล้วที่ อบต.เค้าจะมี จักรยานให้เช่าพร้อม ไกด์ ขี่นำ ชมด้วย ครับ ให้ ติดต่อ ที่นี่ก็ได้หรือ อบต ท่าวังตาล ท่องเที่ยวทางจักรยานเค้ามี เฉพาะ จ-ศ นะครับ ค่าเช่ารู้สึกจะ 50/คัน

***ดูกันชัดๆ รถม้า...อ่ะฮู้...ปล. ใช้เวลา ชม ต่อเที่ยว 45 นาที ครับ



















ส่วนอันนี้รถรางวันนั้นคนไปเยอะเหมือนกันครับ....  ปล. คนหันหลังก็ คือ ไกด์ประจำรถครับ ซึ้งจะไม่มีค่าจ้างแล้วแต่จะให้เค้าเป้นสินน้ำใจครับ

ก่อนที่เรา จะออกเดินทางไปกะรถม้า มีพี่ คนนี้เค้ามาถ่ายรูปไว้ ไอ้เราก็นึกว่า ถ่ายรูปนักท่องเที่ยวไว้เฉยๆแต่พอกลับมาปรากฏว่ารูปเราไปอยู่ใน จานหรือถ้วยอ่ะไรสักอย่างไปซะแว๊ว เอามาขายให้พวกเรา  ...ผมก็เลยปฏิเสธไป ไม่รู้เค้าเอาไปขายต่อใครป่าว ใครซื้อของผมไปเก็บไว้ดีๆหน่อยนะครับ 


ก่อนออกไปเที่ยวขอแนะนำดู วีดีโอ ก่อนครับ(ประมาณ 6 นาที) โดยมีพี่ ผู้หญิงท่านนี้ค่อยเล่าประวัติเวียงกุมกามให้พวกเราฟังมีการเล่าถึงอาถรรพ์ของทีนี่ด้วย ทำเอาเสียวไปตามๆกัน
ใครมาทีนี่ห้ามหยิบอ่ะไรออกไป น่ะ ถึงแม้จะเอ่ยปากขออนุญาตแล้วก็ตาม พี่เค้าบอกเรา และฝากบอกคนที่จะไปเที่ยวด้วยจ้าอ้อ ดูเสร็จก็สบทบทุนค่าไฟเค้าด้วยนะครับ














      **** ที่นี่มีหนังสือประวัติเวียงกุมกามด้วยครับเข้า ใจว่าขายแต่ผมก็ลืมอีกจนได้..

เจดีย์เหลี่ยม หรือกู่คำหลวงครับ

    รองอำมาตย์เอกหลวง โยนะการพิจิตร ต้นตระกูล อุปะโยคิน









เอาละครับ ได้เวลาชม เวียงกุมกามกันแล้วครับ
หลังจากพาอยู่ในวัดเจดีย์เหลี่ยมกันตั้งนาน ก็ มันมีอะไรที่น่าสนใจเยอะครับ

ไปกันเลยยยย ฮี่....กั๊บๆๆๆ  ภาพนี้ ท่าน ทาโอรุ หน้าเด้งออกมาทีเดียวเชียว


ไปได้จักหน่อยเจอสาวๆ มากับรถม้าอีกคัน...หนุ่มสารถี ก็เท่ซะ....เค้าใจเลือก กันจังเนอะ พวกสาวๆ 555

ปล. ใครที่นั่งรถม้าคันนั้นจะมาดูกระทู้นี้ไหมหว่า..อิอิ








    วัดแรกที่เราไป วัดธาตุขาว ครับ





ที่นี่ มีร้านขายธูปเทียนดอกไม้ไว้สักการะพระพุทรูป
ก็เป็นรายได้อย่างนึงของชาวบ้านที่นี่ครับ...สนับสนุนไว้ไม่เสียหลายครับ
พวกเราก็เข้าไปไว้พระกัน พี่สารถีเล่าว่าเมื่อก่อนองค์พระท่านไม่ได้ตั้งอย่างนี้นะครับ ท่านนอนจมน้ำอยู่
เมื่อก่อนแถวนี้เป็นน้ำเต็มไปหมด คนเลยผ่านไปผ่านมา
พอดี มีคนไปหาปลาหรืออะไรนี่แหละ ก็เลยไปเจอ องค์พระท่านเลยลากกันขึ้นมา แถม ตรงท้องท่าน ก็มีรูแตกเจอกรุพระกัน...แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่า พระเหล่านั้นไปอยู่ที่ไหน
คงเหลืออแต่องค์พระท่านนั่งอยู่ที่นี่ เค้าเรียกท่านว่า หลวงปู่ข่าว ครับ ก็คงมาจากชื่อวัดนั่นแล



มาดู อะแมชซิ่ง เวียงกุมกามกันครับ  วัดปู้เปี้ย...
ดูภาพกันชัดๆครับ ผมไม่ได้ถ่ายภาพมาเอียงนะครับ
มันเป็นความล้ำลึกทางการก่อสร้างของช่างไทยเมื่อเก่าก่อนครับ
หากท่านไม่มองเข้าไปตรงๆท่านจะเห็นเจดีย์เอียงทุกมุมครับ
ตอนค้นพบที่นี่ใหม่ๆ ชาวบ้านเค้ามองเห็นเจดีย์เอียงเลยกลัวว่าจะพังลงมา เลยไปบอกทาง กรมศิลปากร
ทางกรมศิลปากร ก็เลยเอาเครื่องมือมาวัด ก็พบว่า เจดีย์นั้นไม่มีการเอียงไปด้านใดด้านนึง เพียงแต่ การจัดวางหินที่ใช้ในการก่อสร้างนั้น จัดวางไว้ด้วยความวิจิตรพิสดาร ทำให้เมื่อมองไม่ตรงเจดีย์ จะเหมือนกับว่า เจดีย์ เอียงครับ

มาดูด้านหน้ากันครับ... ตรงแย้วววว

ชัดๆ อีกทีครับ

วัดหนานช้างงง หนาน ก็คือ คนที่บวชแล้วนั่นเอง
เหตุที่ชื่อนี้เพราะเมื่อก่อนแถวนี้เป็นที่ดินของ หนานช้าง
ต่อมาได้ยกให้กรมศิลปากร เข้ามาขุดค้น เค้าก็เลยตั้งชื่อเพื่อให้เกียร์ติ ครับ

ถ้าอยากทราบประวัติของแต่ละวัดแนะนำให้ตั้งใจฟังไกด์ครับ
เพราะผมฟังแล้วจำได้บ้างไม่ได้บ้าง หากซื้อหนังสือ ที่เค้าวางไว้มาก็จะดีครับ

ถ้าจะฟังแบบคนพื้นที่เล่าก็โหลดไฟล์นี้ไปฟังครับ

มาถึงวัดช้างค้ำครับ ที่นี่จะเป็น 0 กลาง ของเวียงกุมกามเลยก็ว่าได้ น่าจะเป็น ที่ พญามังราย ประทับอยู่...เค้าว่ามากันอย่างนั้น

ที่นี่จะมีหอ พญามังราย ผู้ครองนครใต้พิภพ...อยู่ด้วย
ก็เลยเข้าไปกราบใหว้ท่านหน่อยครับ

ตรงจุดนี้จะเป็นจุดพักของคนและม้า ครับประมาณ 15-20นาที จะหาอะไรทานหรือ ชมวัด ซื้อของที่ระลึกก็มีหมดครับ

เจดีย์ วัดช้างค้ำ...
พระอุโบสถ
ในพระอุโบสถ จะมีกรุสมบัติ ซึ่ง ตอนที่พบ วัดนี้ใหม่ๆ
มีชาวบ้านมาขุดสมบัติไปขายกัน จนเกือบจะหมดกรุ แล้ว
มีบางส่วนที่เก็บไว้ที่วัด และพิพิธภัณฑ์ในตัวเมืองเชียงใหม่

วัดกู่ป้าด้อม.....ชื่อก็เหมือน วัดหนานช้างแหละครับ ตั้งตาม คนที่ให้ที่ดินมา...
วัดนี้จะมีสภาพที่สมบูรณ์ ที่สุด ในเวียงกุมกามครับ

กรมศิลปากรต้องสร้างหลังคาครอบไว้กันแสงแดด ด้วยครับ อันเนื่องมาจากศิลาแลงเหล่านี้ถ้าโดนแสงอาจถูกทำลายสภาพไปได้

วัดกู่ป้าด้อม นี่ เป็นวัดที่พลาดชมไม่ได้เด็ดขาดครับ ..
ดูสภาพแล้วยังสมบูรณ์ มากๆ

และที่นี่เองครับ ยังพบแนวกำแพง ที่เลาะไปตามสะพานปูน
ดังในภาพ ซึ่งกรมศิลปากรได้เข้ามาสำรวจแล้วพบว่า
เส้นทางตามสะพานปูนและเลยไปยังแนวของบ้านชาวบ้าน หลายหลัง ในละแวกนั้น ยังเจอซากโบราณสถาน อีก

โดยปีหน้าจะทำการขุดสำรวจอย่างจริงจังครับ


ถ้าท่านต้องการที่จะไปเที่ยวสถานที่แห่งนี้
ลงรถที่สถานนีขนส่งอาเขต ที่เชียงใหม่ แห่งใหม่(อาเขต3)
หรือสถานีขนส่งอาเขต เก่า (อาเขต2)
ท่านจะเห็นรถสองแถวแดงที่คอยบริการท่าน
จอด เรามีรถไว้บริการท่านจำนวนมาก หลากหลายสไตล์
ที่ท่านชอบ หรือว่าท่านจะสดวก ติดต่อมาก่อนก็ได้
ที่หมายเลข 081-5688750 ยินดีให้บริการแนะนำ
ท่องเที่ยวเชียงใหม่

































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น